วังน้ำเขียวฟาร์ม (Mr.Mushroom) โรงงานเพาะเห็ด Organics ปลอดสารพิษ จำหน่ายเห็ดสดและเห็ดแปรรูป รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ อย่างเช่นผักสด แต่ที่น่าสนใจที่สุดอยู่ที่เห็ด นอกจากเห็ดสดๆ ที่เพาะกันเองในรูปแบบอุตสาหกรรม ยังเอามาแปรรูปจนไม่น่าเชื่อออกมาเป็นอีกหลายต่อหลายผลิตภัณฑ์ เช่นเห็ดร้าหรือเห็ดปลาร้า ขนมจีนแกงเห็ด ที่เอาเห็ดมาทำน้ำยาแทนเนื้อปลา เฟรนซ์ฟรายด์เห็ด ฯลฯ
    นอกจากนี้วังน้ำเขียวฟาร์ม ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจในธุรกิจของเห็ดได้เข้าชมทุกกระบวนการ ตั้งแต่เปิดดอกเห็ด จนเพาะออกมาเป็นเห็ดที่สดสะอาดปราศจากสารเคมี เห็ดที่เพาะได้แก่ เห็ดโคน เห็ดญึ่ปุ่่น เห็ดออรินจิ เห็ดหัวลิง เห็ดหลินจือ เป็นต้น

    ติดต่อสอบถาม
    โทร. 044-228991, 044-228992, 081-0011555
    www.wnkfarm.com

    การเดินทาง
    จากทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย กลับรถที่โรงเรียนบ้านบุไผ่ เข้าบ้านไทยสามัคคี ตรงเข้าไปตามถนนสายหลัก มีป้ายบอกทางเข้าวังน้ำเขียวฟาร์มและวังดอกไม้ (ทางเดียวกัน) อยู่ทางซ้ายมือ

 ทางเข้าวังน้ำเขียวฟาร์ม ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตรจากปากทางเข้าบ้านไทยสามัคคีทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย เลี้ยวซ้ายเข้ามาไม่นานก็เห็นวังน้ำเขียวฟาร์มกับวังดอกไม้ ตอนนี้เข้ามาที่วังน้ำเขียวฟาร์มก่อน ชื่อวังน้ำเขียวฟาร์มหากไม่เคยรู้ข้อมูลมาก่อนคงนึกถึงฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์อย่างหมูหรือไก่ แต่พอเข้ามาแล้วจะได้รู้ว่าฟาร์มในที่นี้หมายถึงฟาร์มเห็ด อีกชื่อหนึ่งของวังน้ำเขียวฟาร์มคือ Mr.Mushroom ซึ่งแปลว่านายเห็ด นั่นเอง ลานจอดรถของที่นี่ค่อนข้างกว้างรองรับรถนำเที่ยวขนาดใหญ่อย่างรถบัสได้รอบๆ บริเวณมีการตกแต่งอย่างน่ารักๆ หลายแบบหลายจุด ทำให้กว่าจะได้เข้าไปในโรงงานเพาะเห็ดก็เสียเวลาถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้อยู่นานสองนาน

 มุมสวยๆ ของวังน้ำเขียวฟาร์ม ภาพชุดอีกภาพให้เห็นการตกแต่งบริเวณลานจอดรถและดูเหมือนจะเป็นห้องรับแขกของที่นี่ได้เป็นอย่างดี เป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มาเพื่อซื้อเห็ดเพียงอย่างเดียว

 Wang Nam Keaw Farm ถึงตรงนี้ระยะทางไม่กี่เมตรจากลานจอดรถแต่กว่าจะมาถึงก็ถ่ายไปหลายรูปแล้ว ที่เห็นอยู่เป็นทางเข้าไปในโรงเพาะเห็ดครับ

 ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูปวังน้ำเขียวฟาร์ม ก่อนที่จะเข้าไปในโรงงานเพาะเห็ดจะมีลานกว้างๆ อยู่ลานหนึ่ง เป็นสถานที่ตากเห็ดแห้งหลายชนิดที่เห็นจะแปลกตาอยู่สักหน่อยคือ เห็ดร้า หรือที่ผมเรียกว่าปลาร้าเห็ด การถนอมอาหารในแบบเดียวกันกับปลาร้าแต่ทำด้วยเห็ดแถมยังเป็นเห็ดหอม 100% อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมา เห็ดร้านั้นหากเทียบกันกับปลาร้าของจริงจะปลอดภัยในเรื่องของพยาธิมากกว่าครับ ส่วนเห็ดตากแห้งราคาจะสูงขึ้นกว่าเห็ดสดเมื่อเทียบเป็นกิโลกรัม (ก็เพราะมันแห้งกว่าจะได้ 1 กิโลกรัมต้องใช้เห็ดสดหลายกิโลกรัม) ที่เห็นตากๆ อยู่มากมายนี้ก็มีเห็ดหลินจือและเห็ดหัวลิง เดินลึกเข้าไปด้านข้างจะเห็นกล่องสีฟ้าๆ หลายๆ ใบตั้งอยู่พร้อมกับคำเตือนติดข้างกล่อง กรุณาอย่าเปิดฝาผึ้งดุมาก เป็นอันว่าในกล่องเหล่านี้ก็คือรังผึ้งนั่นเองครับ และเมื่อเขียนเตือนกันอย่างนี้ก็ไม่เปิดละกันครับท่าทางว่ามันไม่ได้มีตัวสองตัวอยู่ในนั้นแน่นอน

 เอาละเข้าวังน้ำเขียวฟาร์มกันเถอะ เมื่อเดินชมรอบบริเวณด้านหน้าตรงทางเข้าประตูโรงงานเรียบร้อยและถ่ายรูปมุมน่ารักๆ ไปหลายนาทีคราวนี้ก็จะพาเข้าไปดูในโรงเพาะเห็ด ที่ผมใช้คำว่าโรงงานเพราะว่าสถานที่แห่งนี้เพาะเห็ดในรูปแบบอุตสาหกรรม มีคนงานทำงานหลายคนมีหลายแผนกภายในอาคารที่แบ่งส่วนต่างๆ ออกอย่างลงตัวเพื่อการเพาะเห็ดโดยเฉพาะ ด้านหน้าโลโก้ Mr.Mushroom เด่นตระหง่านพร้อมกับตุ๊กตาเห็ดยืนยิ้มอย่างร่าเริงเป็นพนักงานต้อนรับของที่นี่

 ผลิตภัณฑ์ของวังน้ำเขียวฟาร์ม ย่างก้าวเขามาภายในจะเป็นห้องที่ไม่สว่างเท่าไหร่บรรยากาศภายในเน้นให้เหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงเห็ดมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างมากมายแสดงไว้ให้เลือกซื้อเลือกดูกัน มีตั้งแต่เสื้อที่ระลึกลาย Mr.Mushroom เห็ดสดชนิดต่างๆ ที่โตเต็มที่และกำลังนำออกมาจัดวางจำหน่ายตามราคาขึ้นอยู่กับชนิดของเห็ดแบ่งออกเป็นกระจาดให้เราเลือก ที่เห็นกระจาดว่างๆ เพราะกำลังนำเห็ดออกมาวางครับ ภาพล่างลงมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำองุ่น น้ำผึ้งดอกลำไย โลชั่นเห็ดหลินจือ (มีจริงนะแต่ต้องลองซื้อมาใช้เองผมไม่เคยใช้เหมือนกันครับ)

 ผลิตภัณฑ์ของวังน้ำเขียวฟาร์ม น้ำมันว่านงูสูตรโบราณ น้ำมันเลียงผา สองภาพล่างมีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการทำฟาร์มเห็ด ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับเห็ด สารต่างๆ ในการเพาะเชื้อเห็ด มีอธิบายรายละเอียดมากมายอย่างไม่มีการหวงความรู้แต่อย่างใด เพราะเหตุนี้เองวังน้ำเขียวฟาร์มจึงไม่ใช่เพียงโรงงานเพาะเห็ดและแปรรูป แต่เป็นสถานที่สำหรับเรียนรู้การเพาะเลี้ยงเห็ดอย่างครบวงจร

 ทัวร์วังน้ำเขียวฟาร์ม เมื่อชมสินค้าและนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับเห็ดแล้วคราวนี้ก็ได้เวลาลงพื้นที่จริงกัน เดินตรงเข้าไปในโรงเพาะเห็ดจะมีลูกศรบอกระหว่างทางยังมีข้อมูลต่างๆ ของการเพาะเห็ดให้ดูให้อ่านกันเพื่อศึกษาหาความรู้ มีพนักงานบางส่วนทำงานอยู่ตรงนี้

 เข้าโรงเพาะเห็ด อันดับแรกก่อนที่จะเข้าไปต้องเข้าใจกฎกติกากันหน่อย มีกฎง่ายๆ คือห้ามสูบบุหรี่และห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปภายในโรงเห็ด เมื่อเข้าไปแล้วจะได้เห็นลักษณะของโรงเพาะดอกเห็ดของจริง ทำจริงครบทุกขั้นตอน การจัดเรียงชั้นสำหรับเพาะเห็ด พื้นที่สำหรับเปิดดอกเห็ดอยู่ตรงข้ามกัน ภายในบริเวณนี้ค่อนข้างชื้นและเย็นเพื่อความเหมาะสมในการเจริญเติบโตของเห็ด การเพาะเห็ดแบ่งออกเป็นล็อคๆ เพาะเห็ดคนละชนิดกันอย่างเป็นระเบียบทำให้วังน้ำเขียวฟาร์มมีเห็ดทุกชนิดออกสู่ท้องตลาดได้ตลอดทั้งปี

 ชั้นเพาะดอกเห็ด ภาพนี้เป็นล็อคสำหรับเพาะเห็ด 1 ล็อคมีขนาดประมาณเดียวกันนี้ต่อเนื่องกันไปนับสิบล็อค มีท่อสำหรับปล่อยให้น้ำหยดลงมาทีละนิดๆ ตลอดทั้งวันเพื่อรักษาระดับความชื้นสำหรับการเติบโตของเห็ด

 เห็ดชนิดต่างๆ ในวังน้ำเขียวฟาร์ม เมื่อเข้ามาแล้วก็เก็บภาพเห็ดชนิดต่างๆ ที่เพาะกันที่นี่มาให้ชมกันชนิดละภาพละกันครับ ที่นี่เพาะเห็ดแต่ละชนิดไว้คนละล็อคบางล็อดเพิ่งเก็บดอกไปใหม่ๆ ยังไม่มีดอกโผล่ออกมาให้เห็นมากนัก ที่เห็นในวันนี้ได้แก่ เห็ดหลินจือ เห็ดนางนวล เห็ดหัวลิง เห็ดนางรมดอย เห็ดนางรมทอง

 เห็ดทำอะไรได้บ้าง เมื่อชมในโรงเพาะเป็นที่เรียบร้อยกันแล้วได้เวลาที่จะกลับ เดินออกมาจนถึงทางเข้าอีกรอบหนึ่ง ตรงนี้นอกจากจะมีเห็ดแห้งและเห็ดร้าที่ตั้งอยู่กลางลานกลางแจ้งแล้ว ยังมีเต็นท์กางไว้อีกหลายหลัง ในเต็นท์เหล่านี้มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ ของวังน้ำเขียวฟาร์มให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือ หรือจะลองชิมลองกินกันแบบจริงๆ จังๆ ก็ได้ เริ่มด้วยเฟรนซ์ฟรายด์เห็ด เห็ดออรินจิย่างพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำเห็ด 3 เซียน ไอศกรีมนมสดเห็ดหิมะ (ทำได้ไงเนี่ย) ขนมจีนน้ำยาเห็ด (เอาเห็ดมาทำน้ำยาขนมจีนแทนเนื้อปลา) ผักสดชนิดต่างๆ ก็มีให้เลือกซื้อกันครับ เรียกว่ามาที่เดียวครบเครื่องกันไปเลย

 ปิดท้ายการชมวังน้ำเขียวฟาร์ม ด้านหลังเต็นท์ที่วางขายสินค้าต่างๆ ที่กล่าวมามีต้นไม้ดอกสวยๆ เอาไว้ถ่ายรูปสนุกๆ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแต่จำได้ว่ามุมนี้ใช้เวลานานมากทั้งรูปหมู่รูปเดี่ยวว่ากันไป เห็นกันแบบนี้แล้วอย่าลืมแวะมาเที่ยว Mr.Mushroom วังน้ำเขียวฟาร์มกันนะครับ